วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

FTP

FTP
    FTP ย่อมาจาก FTP (File Transfer Protocol) เป็นระบบโอนย้ายไฟล์ข้ามระบบเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีความปลอดภัยพอสมควร โดยใช้โปรโตคอล TCP เป็นกลไกขนส่งข้อมูล การเข้าใช้งานผู้ใช้จะต้องแนะนำตนเองต่อเซิร์ฟเวอร์ด้วยชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน จากนั้นจะแสดงชื่อโฟล์เดอร์และชื่อไฟล์ที่มีอยู่ออกมา ความสามารถของ FTP ทำให้ไคลเอนต์โอนย้ายไฟล์ ระหว่างไคลเอนต์ และ FTP Server ได้ รวมทั้งระหว่างเครื่องสองเครื่องที่อยู่ห่างไกลกัน



FTP เป็นโปรโตคอลที่ยุ่งยากพอสมควร เพราะต้องสร้างช่องทางสื่อสารในระดับ TCP ถึงสองช่องทาง โดยช่องหนึ่งสำหรับโอนถ่ายข้อมูลและอีกหนึ่งใช้ส่งคำสั่ง เซิร์ฟเวอร์จะต้องมีตัวแปลโปรโตคอล (PI: Protocol Interpreter) สำหรับทำหน้าที่แปลและดำเนินงานตามคำสั่งของ FTP นอกจากนี้ยังต้องมีโมดูล โดนย้ายข้อมูลที่เรียกว่า DT (Data Transfer ) มารับผิดชอบจัดการกับข้อมูล ทั้ง PI ได้ โดยเรียกใช้ Telnet หรือไม่ก็จัดการโปรโตคอล Telnet หรือไม่ก็จัดการโปรโตคอล Telnet ใหม่ทั้งหมดเอง คำสั่งของ FTP 

FTP (File Transfer Protocal) คือ มาตรฐานที่กำหนดใช้เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลหรือการ Upload / Download ข้อมูลบน Internet ครับ โดยเราจะใช้โปรแกรมที่เรียกว่า FTP Client มาช่วยในการ Upload / Download ข้อมูลไปเก็บไว้ที่ Server เช่น โปรแกรม CuteFTP, WS_FTP ฯลฯ

FTP (File Transfer Protocol) คือการถ่ายโอนไฟล์ หรือเรียกได้อีกอย่างว่า การคัดลอกแฟ้มข้อมูลบนเครือข่าย คือ การโอนย้ายแฟ้มข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่งมายังอีกระบบหนึ่งผ่านเครือข่าย ซึ่งทำได้หลายรูปแบบ เช่น การโอนจากแม่ข่ายมายังเครื่องพีซี หรือเครื่องพีซีไปแม่ข่ายหรือระหว่างแม่ข่ายด้วยกันเอง การถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลหรือการโอนย้ายแฟ้มข้อมูลอาศัยโปรแกรมหนึ่งที่มีการใช้งานกันมากและมีบริการอยู่ในโฮสต์แทบทุกเครื่อง คือ โปรแกรม FTP


FTP มีความสำคัญและประโยชน์อย่างไร
ในโลกธุรกิจปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันมากในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิต ด้าน การตลาด การบริหาร การจัดการ และด้านที่ขาดไม่ได้ด้วยเช่นกัน คือ ด้านการสื่อสาร ซึ่งแต่ละธุรกิจมีความจำเป็นต้องใช้ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า การติดต่อสื่อสารภายในหรือระหว่างบริษัท ซึ่ง FTP
มีส่วนช่วยอย่างมากในการสื่อสารต่างๆ FTP จะช่วยให้การถ่ายโอนข้อมูลเป็นไปได้ง่ายมากขึ้น แต่ละบริษัทหรือหน่วยงานสามารถมีข้อมูลมากมายหลายรูปแบบที่ต้องการสื่อสารไปยังแหล่งอื่น หรือแม้แต่ต้องการข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากแหล่งอื่นเข้ามาใช้ เช่น ข้อมูลข่าวสารประจำวัน บทความ ข้อมูลทางสถิติ ผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น การจะเดินทางไปเอาข้อมูลต่างๆ เองก็ถือเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ในเมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือแล้ว FTP จะเป็นตัวช่วยให้การได้รับข้อมูลเหล่านี้สามารถทำได้ง่ายยิ่งขึ้นเพียงอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น ผู้ใช้งานสามารถใช้ FTP ในการโอนข้อมูลจำนวนมากจากแหล่งที่อนุญาต ให้ใช้ได้ ซึ่งเรียกว่าเป็นแหล่งบริการ FTP ซึ่งมักเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลข่าวสารต่างๆอยู่มาก และเปิดบริการทั่วไป เพียงแค่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเข้าไป
ใช้บริการคัดลอกแฟ้มข้อมูลต่างๆ มาใช้งาน

วิธีการทำงานของ FTP 
        FTP ทำงานในแบบไคลเอนต์เซิร์ฟเวอร์ โดยพัฒนาขึ้นตามโปรโตคอลพื้นฐาน TCP ซึ่งจะต้องมีการติดต่อเพื่อจองช่องสื่อสาร (Connection Establishment) ก่อนทำการสื่อสารจริง ซึ่งเรียกว่าเป็นการติดต่อแบบที่ต้องขอเชื่อมต่อก่อน (Connection - Oriented) ในการใช้งาน FTP เพื่อเริ่มการติดต่อสื่อสารนั้น จะต้องระบุหมายเลข IP ปลายทาง และต้องผ่านการแจ้งรหัส Login และ Password ของเซิร์ฟเวอร์ที่จะติดต่อก่อนจึงจะเข้าใช้งานได้
ข้อมูลของ FTP ที่สื่อสารระหว่างกันมี 2 ประเภทคือ

ข้อมูล(Data) หมายถึงข้อมูลต่างๆที่ต้องการรับส่ง รวมทั้งไฟล์ที่รับมาจากเซิร์ฟเวอร์ หรือส่งมาจาก ไคลเอนต์แล้วไปเก็บที่เซิร์ฟเวอร์
ข้อมูลคำสั่ง (Command) FTP จะมีคำสั่งที่ใช้สั่งงานต่างๆ เช่น dir เป็นคำสั่งที่ใช้แสดงชื่อไฟล์หรือไดเรคทอรีในเครื่องเซิร์ฟเวอร์ 
หรือ get ใช้โหลดไฟล์มาที่เครื่องไคลเอนต์ผ่านโปรแกรม FTP แล้วโปรแกรมจะส่งคำสั่งไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อทำงาน และแจ้งผลการทำงานกลับมายังไคลเอนต์ ซึ่งผลการทำงานนี้จะนำหน้าด้วยตัวเลข 3 หลัก เป็นรหัสที่ใช้แสดงสถานะการทำงานภายในของ FTP และต่อด้วยข้อความที่เป็นเท็กซ์ต่อท้าย ซึ่งก็คือผลการทำงานหรือคำอธิบายต่างๆ โดยที่ FTP มีกระบวนการภายในที่จะตรวจสอบได้ว่าข้อมูลที่จะรับส่งนี้เป็นประเภทคำสั่งไม่ใช่ตัวข้อมูลที่ต้องการจะโอนย้าย การที่ FTP สามารถแยกแยะข้อมูลจริงออกจากข้อมูลที่เป็นคำสั่งได้นั้น ถือว่าเป็นหน้าที่การทำงานของโมดูลใน FTP ที่เรียกว่าโปรโตคอล (Protocol Interpreter Module หรือ PI) ซึ่งทำหน้าที่รองรับการทำงานคำสั่งต่างๆของ FTP และในส่วนของข้อมูลที่รับส่งนั้นจะเป็นหน้าที่ของโมดูลโอนข้อมูล (Data Transfer หรือ DT) ซึ่งโมดูลทั้งสองนี้จะต้องทำงานอยู่ทั้งในเครื่องที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ และไคลเอ็นต์ ส่วน Shareware หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่ผู้ผลิตแจกให้ลองไปใช้ดูก่อน และเมื่อใช้แล้วพอใจจะนำไปใช้จริงก็ค่อยส่งเงินมาชำระทีหลัง ถ้าไม่นำไปใช้จริงก็ไม่ต้องส่งเงินมาชำระ ผู้ผลิต Freeware และ ผู้ผลิต Shareware จะทำการส่งซอฟต์แวร์ของตนเองที่ต้องการแจกจ่ายไปไว้ที่คอมพิวเตอร์ที่เป็น ftp server และใครก็ตามที่สนใจจะลองนำไปซอฟต์แวร์ของผู้ผลิตไปใช้ดูก็ให้ไปทำการ download จากคอมพิวเตอร์ที่เป็น ftp server เครื่องนั้นมายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเอง ในบางกรณีถ้าท่านมีข้อมูลที่น่าสนใจและต้องการเผยแพร่ ท่านก็สามารถส่งข้อมูลนั้นไปไว้ที่ ftp server ได้ ตัวอย่าง ftp server เช่น ftp.chula.ac.th 

Web Browser

Web Browser
         web browser หรือ โปรแกรมค้นดูเว็บ คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเวบที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษาเอชทีเอ็มแอล (HTML)ที่จัดเก็บไว้ที่ระบบบริการเว็บหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์หรือระบบคลังข้อมูลอื่นๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนสื่อในการติดต่อกับเครือข่าย หรือ เน็ตเวิร์คขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ



          ซึ่งก็แล้วแต่ผู้ใช้ว่าถูกใจค่ายไหน โปรแกรมซึ่งได้มีผู้พัฒนาให้เราได้ใช้กันมากมาย มีรูปหนึ่งผมชอบมากอยากให้รู้ว่าบางครั้ง ก่อเป็นสงคราม ที่น่าสนใจมากเพราะประโยชน์จะตกอยู่กับผู้ใช้นั่นเอง


ประโยชน์ของ Web Browser
                      
                         สามารถดูเอกสารภายในเว็บเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างสวยงามมีการแสดงข้อมูลในรูปของ ข้อความ ภาพ และระบบมัลติมีเดียต่างๆทำให้การดูเอกสารบนเว็บมีความน่าสนใจมากขึ้น ส่งผลให้อินเตอร์เน็ตได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นในปัจจุบัน 

CMS

CMS
ความหมายของ Content Management System (CMS)
        ระบบการจัดการเนื้อหาของเว็บไซต์(Content Management System : CMS) คือ ระบบที่พัฒนาคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยลดทรัพยากรในการพัฒนา(Development) และบริหาร(Management)เว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกำลังคน ระยะเวลา และเงินทอง ที่ใช้ในการสร้างและควบคุมดูแลไซต์โดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะนำเอา ภาษาสคริปต์(Script languages) ต่างๆมาใช้ เพื่อให้วิธีการทำงานเป็นแบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น PHP, Perl, ASP, Python หรือภาษาอื่นๆ(แล้วแต่ความถนัดของผู้พัฒนา) ซึ่งมักต้องใช้ควบคู่กันกับโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์(เช่น Apache) และดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์(เช่น MySQL)
         ลักษณะเด่นของ CMS ก็คือ มีส่วนของ Administration panel(เมนูผู้ควบคุมระบบ) ที่ใช้ในการบริหารจัดการส่วนการทำงานต่างๆในเว็บไซต์ ทำให้สามารถบริหารจัดการเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว และเน้นที่การจัดการระบบผ่านเว็บ(Web interface) ในลักษณะรูปแบบของ ระบบเว็บท่า(Portal Systems) โดยตัวอย่างของฟังก์ชันการทำงาน ได้แก่ การนำเสนอบทความ(Articles), เว็บไดเรคทอรี(Web directory), เผยแพร่ข่าวสารต่างๆ(News), หัวข้อข่าว(Headline), รายงานสภาพดินฟ้าอากาศ(Weather), ข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจ(Informations),
ถาม/ตอบปัญหา(FAQs), ห้องสนทนา(Chat), กระดานข่าว(Forums), การจัดการไฟล์ในส่วนดาวน์โหลด(Downloads), แบบสอบถาม(Polls), ข้อมูลสถิติต่างๆ(Statistics) และส่วนอื่นๆอีกมากมาย ที่สามารถเพิ่มเติมดัดแปลง แก้ไขแล้วประยุกต์นำมาใช้งานให้เหมาะสมตามแต่รูปแบบและประเภทของเว็บไซต์นั้นๆ
 
Joomla
            
                ความมั่นคงของ Joomla ในอนาคตJoomla เป็น CMS open source ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันนี้ Joomla มีรากฐานมาตั้งแต่ปี 2000 และผู้ใช้อีกกว่า 200,000 คน ซึ่งในอนาคตอันสดใสสำหรับโปรเจครางวัล Joomla ซึ่งช่วยในเรื่องของความยืดหยุ่นต่อการออกแบบหน้าตาเว็บไซต์ โดยมีเครื่องมือในการเลือกรูปแบบTemplate สำหรับใช้ในเว็บไซต์ของคุณได้โดยวิธีง่ายๆ และประหยัดเวลาเพียงคลิ๊กเดียวก็สามารถเปลี่ยนหน้าตาเว็บไซต์ได้ทันที  นอกจากนี้ยังมีรูปแบบ Template ที่คุณสามารถหาดาวน์โหลดฟรีได้จากเว็บไซต์ Mambo ต่างๆ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถนำมาประยุกต์ให้เข้ากับความต้องการได้ง่ายขึ้น

Google Friendly

 Google Friendly



         เว็บไซต์ Google ( www.Google.co.th ) เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการในการค้นหาข้อมูลในโลกของอินเตอร์เน็ต โดยค้นหาข้อมูลจากข้อความ หรือตัวอักษรที่พิมพ์เข้าไป แล้วทำการค้นหาข้อมูล รูปภาพ หรือเว็บเพจที่เกี่ยวข้องนำมาแสดงผล เว็บไซต์ Google ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ต้องการค้นหาข้อมูล อาจจะว่าได้นั่นหมายถึงโอกาศต่างๆ ทางธุรกิจ เพื่อที่คนอื่นจะได้ค้นหาเจอง่ายขึ้น

VDO on Website

VDO on Website

                คือการนำคลิปวีดีโอที่มีอยู่ไปฝากไว้บนเว็บไซต์เพื่อช่วยเผยแพร่คลิปนั้นๆ ปัจจุบันคนทั่วโลกก็หันมาให้ความสนใจกับการสร้างคลิปวีดีโอสู่สาธารณะมากขึ้นการฝังวิดีโอลงในหน้าเว็บ ใช้รูปแบบที่ใกล้เคียงกับการใส่แท็ก img มากคือเริ่มด้วยชื่อแท็กปกติ และตามด้วยคุณสมบัติ src เพื่อระบุตำแหน่งของไฟล์ที่จะแสดงผล



WYSWYG

WYSWYG
               โปรแกรมแก้ไข WYSIWYG (หรือ "What You See Is What You Get") คือโปรแกรมแก้ไข HTML ประเภทหนึ่งที่ให้คุณสามารถแก้ไขหน้าเว็บในมุมมองแบบง่ายที่ไม่มีโค้ด ซึ่งจะดูเหมือนกับการจัดวางหน้าเว็บที่ปรากฏจริง โดยทั่วไปมีสองประเภทดังนี้ : โปรแกรมแก้ไขแบบมุมมองโค้ด แสดงมุมมอง Design/Normal, มุมมอง Preview และมุมมอง HTML คุณสามารถใช้มุมมอง HTML เพื่อแก้ไขโค้ด
                โปรแกรมแก้ไขแบบแทรก HTML ใช้แท็บเมนู "Insert" เพื่อแก้ไข HTML หากคุณไม่พบซอร์สโค้ด HTML ของหน้าเว็บของคุณในโปรแกรมแก้ไข โปรดไปยังศูนย์ช่วยเหลือหรือกลุ่มสนับสนุนเพื่อรับซอฟต์แวร์แก้ไข HTML ของคุณ
                 โปรแกรม Macromedia Dreamweaver โปรแกรมสำหรับการสร้างเว็บเพจรวมไปถึงการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันสร้างเว็บเพจภาษาไทยได้ทันทีโดยไม่ต้องติดต้องโปรแกรมเสริมโดยที่ผู้ออกแบบเว็บเพ็จ ไม่จำเป็นต้องมีความความรู้ด้านภาษาและการจัดการฐานข้อมูล หรือมีความรู้เพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างเว็บเพ็จได้อย่างรวดเร็ว

Website Language

• HTML ย่อมาจากคำว่า Hyper Text Markup Language เป็นภาษาหลักที่ใช้ในการสร้างโฮมเพจ
• PHP (พีเอชพี) คือ ภาษาคอมพิวเตอร์ในลักษณะเซิร์ฟเวอร์-ไซด์ สคริปต์ภาษาพีเอชพีใช้สำหรับจัดทำเว็บไซต์ และแสดงผลออกมาในรูปแบบ HTML โดยมีรากฐานโครงสร้างคำสั่งมาจากภาษา ภาษาซี ภาษาจาวา และ ภาษาเพิร์ล ซึ่ง ภาษาพีเอชพี นั้นง่ายต่อการเรียนรู้ ซึ่งเป้าหมายหลักของภาษานี้ คือให้นักพัฒนาเว็บไซต์สามารถเขียน เว็บเพจ ที่มีความตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว
•ASP ย่อมาจาก Active Server Pagesใช้สำหรับสร้างงาน(application)ขั้นสูงเสริมการ ทำงานที่ไฟล์ htmlธรรมดาทำไม่ได้ หรือต้องการให้งานต่างๆเป็นไปอย่างอัตโนมัติ โดยผู้ใช้ไม่ต้องทำการปรับปรุงข้อมูลเอง เหมาะสำหรับผู้ใช้มืออาชีพหรือผู้ที่สนใจอย่างจริงจัง
• CSS คือ ชุดคำสั่งที่ใช้สำหรับการกำหนดการแสดงผลข้อมูลหน้าเว็บพจเพื่อใช้ในการตบแต่งหน้าเอกสารเว้บเพจโดยเฉพาะ การใช้งาน CSS จะเข้ามาช่วยเพิ่มความสามารถให้กับ HTML เดิมที่เราใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน
• SQL คือ ภาษาสอบถามข้อมูล หรือภาษาจัดการข้อมูลอย่างมีโครงสร้าง มีการพัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์ และโปรแกรมฐานข้อมูลที่รองรับมากมาย เพราะจัดการข้อมูลได้ง่าย
• JavaScript คือ ภาษายุคใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย เน็ตสเคปคอมมิวนิเคชันส์เพื่อใช้สร้างเว็บเพจโดยติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์แบบ Live WireJavaScript สามารถทำให้ การสร้างเว็บเพจ มีลูกเล่น ต่าง ๆ มากมาย และยังสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้อย่างทันที เช่น การใช้เมาส์คลิก หรือ การกรอกข้อความในฟอร์ม เป็นต้น

Flash

Flash
                    Flash เป็นโปรแกรมที่มีความสามารถในด้านการสร้างภาพเคลื่อนไหว (Animation) ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท Adobe (เดิมคือ Macromedia) ซึ่งได้พัฒนาปรับปรุงเครื่องมือต่างๆ ให้มีความสามารถใช้งานได้สะดวก สามารถใช้ผลิตสื่อการสอนเชิงโต้ตอบ (Interactive), สื่อ Presentation, เกมส์, แบบทดสอบ, E-Book, Website, Streaming Video, ฐานข้อมูล, งานกราฟิก และสร้างภาพเคลื่อนไหว หรือแม้แต่ภาพยนตร์การ์ตูนเอนิเมชั่น แล ะFlash ยังสามารถนำสื่อต่างๆ เช่น ภาพนิ่ง กราฟิก เสียง  ภาพยนตร์ และมัลติมีเดียแทบทุกประเภทมาประยุกต์ใช้งานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถควบคุมการทำงานแบบพื้นฐาน จนไปถึงการเขียนคำสั่งควบคุม (Action Script) ให้โปรแกรม Flash แสดงผลตามที่เราต้องการ โดยเห็นได้ชัดจากเว็บไซต์ในปัจจุบันแทบทุกเว็บไซต์จะนำ Flash เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มความน่าสนใจ ดูทันสมัย รวมทั้งจัดการด้านข้อมูลมัลติมีเดีย

ImageReady 
                    ImageReady เป็นโปรแกรมที่มาพร้อมกับโปรแกรม Photoshop ดังนั้นเมื่อเราติดตั้งโปรแกรม Photoshop โปรแกรม ImageReady จะถูกติดตั้งโดยอัตโนมัติ โปรแกรม ImageReady นั้นมีส่วนที่คล้ายคลึงกับ Photoshop อยู่บ้าง เช่น ส่วนของแถบคำสั่ง และแถบเครื่องมือ แต่ ImageReady นั้นสามารถทำงานได้เฉพาะโหมด RGB เท่านั้น เป็นโปรแกรมที่สามารถสร้างภาพเคลื่อนไหวได้ Gif Animation (กิฟ อนิเมชั่น)
คือ ภาพเคลื่อนไหว ที่เกิดจากการนำรูปภาพหลายๆ รูปภาพมาแสดงอย่างต่อเนื่องกัน โดยไฟล์ที่แสดงจะเป็น *.gif

 SwishMAX
                 SWiSHmax เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับสร้างานทางด้านกราฟฟิก เช่น การสร้างตัวอักษร ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว ที่สามารถนำไปใช้กับงานประเภทต่าง ๆ ได้ เช่นเดียวกับโปรแกรม Macromedia Flash เช่น งาน Presentation งาน Animationหรือ แม้กระทั่งการออกแบบและพัฒนาเว็บไซด์ เป็นต้น ลักษณะการใช้งานของโปรแกรม SWiShmax จะง่ายกว่าโปรแกรม Flash เนื่องจามี Effect สำเร็จรูปประเภทต่าง ๆ มาให้ นอกจากนี้ยังสามารถเขียนสคริปต์เพื่อควบคุมการทำงานได้ ทำให้โปรแกรม SWiSHmax เป็นที่น่าสนใจและกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
SWiSHmax เป็นโปรแกรมที่ใช้สร้างงานทางด้านกราฟฟิกของบริษัท SWiSHaone.com Pty Ltd. ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่พัฒนามาจาก SWiSH Version 2 นอกจากนี้ SWiSHmax ยังได้มีการแบ่งเป็นเวอร์ชันย่อยตามวันที่พัฒนาโปรแกรมโดยในที่จะใช้ SWiSHmax  2004.09.10 (ตัวเลขที่ระบุคือ ปี/เดือน/วัน ที่พัฒนาโปรแกรม) สามารถสร้างงานนำเสนอ เช่น โลโก้โฆษณา แบนเนอร์ เมนู รวมไปถึงการสร้างเวปไซด์แบบDynamic ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างงาน Animation เช่น การสร้างภาพเคลือนไหวที่มีการเล่นเสียงในเวลาเดียวกันได้เหมือนกับโปรแกรม Flash แต่สามารถทำได้สะดวกและรวดเร็วกว่า ดังนั้นจึงทำให้ SWiSHmax เป็นโปรแกรมที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างงาน Animation การนำเสนองานต่างๆ  ผ่านทางเวปไซด์ รวมถึงการออกแบบและพัฒนาเว็บไซด์ให้มีรูปแบบน่าสนใจ
                               SWiSHmax ประกอบด้วยเครื่องมือต่างๆ ช่วยในการสร้างชิ้นงานมีความหลายหลายทั้งการสร้างภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่สามารถใส่ Effect ได้มากกว่า 230 แบบ นอกจากนี้เราสามารถควบคุมการทำงานด้วยสคริปต์ ทำให้งานที่สร้างขึ้นเป็นไปตามความต้องการ อีกทั้งสามารถนำไปแสดงผลใน Flash Player, Browser และ Media Player  สามารถใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้ง Macromedia Flash บนคอมพิวเตอร์
                               โปรแกรม swishMAX สามารถที่จะนำเสนองานในรูปแบบของไฟล์ Shock wave Flash (.swf) ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการสร้างเว็บเพจได้ และ ยังสามารถแปลงเป็นไฟล์ avi ซึ่งใช้ในการตัดต่อภาพยนตร์ได้อีกด้วย
                               โปรแกรม SWiSHmax สามารถทำงานบนระบบปฏิบัติการ Window โดยก่อนใช้งานควรสำรวจคุณสมบัติของระบบปฏิบัติการและฮาร์ดแวร์ก่อน ว่ารองรับการทำงานโปรแกรม SWiSHmax ได้หรือไม่ ดังนี้
                               1. อย่างน้อยต้องใช้ระบบปฏิบัติการ Window 9x/Me/NT2000/2003/XP
                               2. เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มี CPU เป็น Intel Pentium III 300 MHz ขึ้นไป
                               3. มีพื้นที่ว่างในฮาร์ดดิสก์ อย่างน้อย 7.02 MB
                               4. RAM อย่างน้อย 64 MB RAM แต่ถ้าจะให้คล่องตัวขอแนะนำ 256 MB
                               5. ความละเอียดของจอภาพ 800 x 600 พิกเซล ขึ้นไป ต้องแสดงสีได้ 256 สี
SWiSHmax จะมีลักษณะจอภาพที่แตกต่างไปจาก SWiSH Version 2 โดยจอภาพใหม่จะช่วยให้ผู้ให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ SWiShmax ยังได้เพิ่ม Effect เพิ่มรูปแบบเขียนสคริป รวมไปถึงการเพิ่มเครื่องมือที่ใช้ในการวาดรูป




Graphic For Web (Create Template)

Photoshop
            หรือ Adobe Photoshop คือชื่อเต็มของโปรแกรมนี้ ที่ใช้สำหรับการตกแต่งภาพ แก้ไขภาพ ย่อขนาด เปลี่ยนประเภทไฟล์ หรือหลายๆ คนอาจเคยได้ยินคำว่า Retouch ภาพซึ่งก็มีความหมายในแนวเดียวกัน โปรแกรม photoshop นี้ถือได้ว่าเป็นโปรแกรมที่ดีที่สุด และน่าใช้ที่สุดสำหรับการแก้ไขภาพก็ว่าได้ เรียกว่า ถ้าพูดถึงการแก้ไขรูปภาพดิจิตอล ต้องพูดถึงโปรแกรม Adobe Photoshop เลยทีเดียว 



      เราสามารถเรียนรู้วิธีการใช้โปรแกรม Adobe Photoshop นี้ได้ด้วยตัวเอง รับรอง คุณสามารถที่จะทำการแก้ไขภาพ ตกแต่งภาพ ซ้อนภาพในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย พร้อมกันนี้ที่ขาดไม่ได้ก็คือ การใส่ข้อความประกอบลงในภาพของเรา และเนื่องด้วย Adobe Photoshop มีการพัฒนาโปรแกรมมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราจำเป็นต้องศึกษาคำสั่งต่างๆ ให้เข้าใจ แต่ที่สำคัญ เมื่อคุณเรียนรู้การใช้คำสั่งในเวอร์ชั่นเก่า คุณก็ยังคงสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเวอร์ชั่นใหม่ๆ ได้ด้วยครับ
   • ความสามารถพื้นฐานของ Adobe Photoshop ที่ควรทราบ
   • ตกแต่งหรือแก้ไขรูปภาพ
   • ตัดต่อภาพบางส่วน หรือที่เรียกว่า crop ภาพ
   • เปลี่ยนแปลงสีของภาพ จากสีหนึ่งเป็นอีกสีหนึ่งได้
   • สามารถลากเส้น แบบฟรีสไตล์ หรือใส่รูปภาพ สี่เหลี่ยม วงกลม หรือสร้างภาพได้อย่าง   อิสระ
   • มีการแบ่งชั้นของภาพเป็น Layer สามารถเคลื่อนย้ายภาพได้เป็นอิสระต่อกัน
   • การทำ cloning ภาพ หรือการทำภาพซ้ำในรูปภาพเดียวกัน
   • เพิ่มเติมข้อความ ใส่ effect ของข้อความได้
   • Brush หรือแปรงทาสี ที่สามารถเลือกรูปแบบสำเร็จรูปในการสร้างภาพได้
   • และอื่นๆ อีกมากมาย
         นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมเสริมที่ช่วยให้การตกแต่งภาพด้วย Photoshop เป็นเรื่องง่ายๆ อีก นั่นคือ Plug-ins ของ Photoshop ซึ่งได้แก่ การปรับภาพจากภาพถ่าย มาเป็นภาพแบบวาดด้วยสีน้ำ ภาพลายการ์ตูน เป็นภาพลายเส้น เป็นต้น

 Illustrator
        หรือ Adobe   หรือ Adobe   เป็นโปรแกรมสำหรับสร้างภาพลายเส้นที่มีความคมชัดสูง งานภาพประกอบและงานกราฟิกแบบ 2 มิติต่างๆ เช่น การสร้างโลโก้สินค้า จนไปถึงการจัดเลย์เอาต์งานสิ่งพิมพ์ และมีเครื่องมึอที่ช่วยเหลือในงานเว็บไซต์อีกด้วย ภาพกราฟิกสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบคือ 1.ภาพแบบพิกเซล (pixel) คือ ภาพที่เกิดจากจุดภาพในรูปภาพที่รวมกันเป็นภาพขึ้น โดยภาพหนึ่งๆ จะประกอบไปด้วยจุดภาพหรือพิกเซลมากมาย และเเต่ละภาพที่สร้างขึ้นจะมีความหนาเเน่นของจุดภาพ หรือบางครั้งแทนว่าความละเอียด (ความคมชัด)ที่เเตกต่างกันไป จึงใช้ในการบอกคุณสมบัติของภาพ จอภาพ หรือ อุปกรณ์แสดงผลภาพได้ 2.ภาพกราฟิกส์เวกเตอร์ (vector graphics) คือ ภาพที่เกิดจากการกำหนดพิกัดและการคำนวณค่าบนระนาบสองมิติ รวมทั้งมุมและระยะทาง ตามทฤษฎีเวกเตอร์ในทางคณิตศาสตร์ ในการก่อให้เกิดเป็น เส้น หรือรูปภาพ ข้อดีคือ ทำให้สามารถย่อขยายได้ โดยคุณภาพไม่เปลี่ยนแปลง ข้อเสียคือภาพไม่เหมือนภาพจริงเป็นได้เพียงภาพวาด หรือใกล้เคียงภาพถ่ายเท่านั้น ข้อมูลภาพพวกนี้ได้เเก่ไฟล์สกุล eps, ai (adobe illustrator) เป็นต้น ** โปรแกรม Illustrator ทำงานแบบ vector graphics ความแตกต่างระหว่างรูปแบบ vector และแบบ pixel

ภาพจาก wikipedia.org  

ภาพแบบ pixel  



ภาพแบบ vector



            Illustrator นั้นทำงานแบบ vector คือจะใช้ในงานการเขียนภาพ 2 มิติ เป็นโปรแกรมที่มีประโยชน์มากในการทำเว็บไซต์ เพราะทำให้ผู้ใช้งานสามารถวาดรูปทึ่ต้องการขึ้นมาเองได้ แตกต่างจาก Photoshop ที่จะต้องนำภาพอื่นมาแต่งเพื่อให้เป็นรูปที่ต้องการ ถึงแม้ว่าปัจจุบัน Photoshop จะพัฒนาเครื่องมือที่สามารถสร้างภาพ vector ได้แต่ความสะดวกก็ยังไม่สู้การใช้งาน Illustrator อยู่ดี ซึ่งในการทำงานจริงๆแล้วจะต้องอาศัยเครื่องมือทั้ง Photoshop และ Illustrator ควบคู่กันจึงจะได้เป็นชิ้นงานขึ้นมา ซึ่งทั้ง 2 โปรแกรมก็ทำงานควบคู่กันได้ดี ส่วนหนึ่งก็มาจากว่าทั้ง 2 โปรมแกรมมาจากบริษัทเดียวกัน( Photoshop , Illustrator มาจากบริษัท Adobe)


      

หลักการออกแบบเว็บไซต์



ขั้นตอนที่ 1 กำหนดโครงสร้างของเว็บไซต์


    การสร้างเว็บไซต์นั้นควรเริ่มจากการสร้างแผนผังของเว็บไซต์ก่อน หรือที่เรียกว่า  Site Map ดังภาพตัวอย่างมีการกำหนดหน้าเว็บเพจ 4 หน้า

ขั้นตอนที่ 2 กำหนดการเชื่อมโยงระหว่างเว็บเพจ
      เราต้องกำหนดการเชื่อมโยงให้เว็บเพจแต่ละหน้าเชื่อมโยงถึงกันเพื่อให้กลับไปกลับมา     ระหว่างหน้าต่าง ๆ ได้    โดยแสดงชื่อไฟล์   HTML  แต่ละไฟล์ที่มีการเชื่อมโยงสัมพันธ์กันดังภาพ

ขั้นตอนที่ 3 การออกแบบเว็บเพจแต่ละหน้า
       เราสามารถออกแบบหน้าเว็บเพจแต่ละหน้าให้สวยงาม โดยเฉพาะในเว็บเพจหน้าแรก ซึ่งเรียกว่าโฮมเพจนักเรียนควรออกแบบให้สวยงามเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชม  ในขั้นตอนการออกแบบนี้ บางทีอาจ เรียกว่า การออกแบบเลย์เอาท์ (Lay Out) สามารถทำได้โดยการเขียนลงในกระดาษ หรือใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบก็ได้

ขั้นตอนที่ 4 การสร้างเว็บเพจแต่ละหน้า
นำเว็บเพจที่ออกแบบไว้มาสร้างโดยใช้ภาษาhtml หรืออาจใช้ โปรแกรมสำเร็จรูป เช่นFrontPage, Macromedia  Dreamweaver หรือโปรแกรมสำเร็จรูปอื่น ๆ ตามความถนัด

ขั้นตอนที่ 5 การลงทะเบียนขอพื้นที่เว็บไซต์
       เป็นการเผยแพร่เว็บไซต์ที่สร้างเสร็จแล้วเข้าสู่ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อให้บุคคลอื่น ๆ สามารถเข้าชมเว็บไซต์ของเราได้  วิธีการก็คือนำเว็บไซต์ที่เราสร้างขึ้นไปไว้บนพื้นที่  ที่ให้บริการ(Web Hosting) ซึ่งมีพื้นที่ ที่ให้บริการฟรี และแบบที่ต้องเสียค่าบริการ 






ขั้นตอนที่ 6 การอัพโหลดเว็บไซต์

         หลังจากสร้างเว็บไซต์และลงทะเบียนขอพื้นที่สำหรับฝากเว็บไซต์แล้ว   ให้ใช้โปรแกรมสำหรับอัปโหลด (Upload)  เช่นโปรแกรม  CuteFTPเพื่อให้คนทั่วโลกสามารถเข้าชมเว็บไซต์ของเราผ่านทางระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้